ติดต่อเรา

ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน

2022-12-16

        ดิฉันชนมน เพชรบุตร (แจน) อายุ 26 ปี อาชีพ Digital Editorial Content Executive เข้ามารักษาที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อธันวาคมปี 2562 ด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน (Acute Myeloid Leukemia - AML) เกิดจากอยู่ดี ๆ ขาบวมเขียวช้ำโดยหาสาเหตุไม่ได้ ตอนแรกคุณหมอคิดว่าอาจจะเป็นเส้นเลือดตีบแต่ตรวจไปเรื่อย ๆ พบว่ามีเลือดออกในชั้นกล้ามเนื้อ หมอจึงขอเจาะเลือดเพิ่มเติมแล้วให้นอนรอผล 1 คืน เช้าวันถัดไปจึงได้ทราบว่าเป็นมะเร็ง ตอนตรวจเจอครั้งแรกมีเซลล์มะเร็ง 93% ลักษณะของโรคคือการที่ยีนส์เราเกิดการกลายพันธุ์โดยไม่ทราบสาเหตุจึงทำให้ร่างกายไม่ผลิตเม็ดเลือดขาวที่สามารถใช้สู้กับเชื้อโรคได้ คนไข้จะติดเชื้อง่าย และมีอาการซีด 

         ขั้นตอนในการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราชคือ หลังจากหมอตรวจประเมินอาการทั้งหมดแล้ว จะต้องให้คีโมตามสูตรการรักษา ซึ่งของเราตอนแรกได้เป็นสูตร 7+3 เพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งให้หมดในขั้นต้น เป็นจำนวน 2 คอร์ส หลังจากนั้นให้คีโมเป็นแบบ 5 วัน จนไปจบที่การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากไขกระดูก ซึ่งต้องหาผู้บริจาคเซลล์จากสภากาชาดไทย

        ช่วงเวลาที่รักษาต้องอยู่ในห้องที่ต้องระวังเชื้อโรคเป็นพิเศษ เพราะทุกคนในห้องเป็นโรคเดียวกันหมด นอนโรงพยาบาลประมาณ 4 อาทิตย์แล้วจะได้กลับบ้าน 5 - 7 วัน แล้วก็กลับเข้ามาให้คีโมใหม่วนไปอย่างนี้ประมาณ 1 ปี ช่วงที่ปลูกถ่ายไขกระดูกก็คือต้องไปนอนให้ห้องความดันลบที่ปลอดเชื้อคนเดียวประมาณ 1 เดือน เมื่อจบขั้นตอนการรักษาทั้งหมดก็จะต้องกลับมาดูแลตัวเองต่อที่บ้านและเข้าไปตามนัดเพื่อติดตามอาการ ปัจจุบันรักษาจบมา 4 ปีแล้ว มีนัดทุก 2 เดือน

        เราโชคดีมากเพราะร่างกายตอบสนองต่อยาและการรักษาได้ดีตลอด เซลล์มะเร็งลดลงเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่ได้คีโม แต่ว่าระหว่างทางก็มีอาการซีด ติดเชื้อตลอด แต่ว่าก็ได้ยารักษาตามอาการที่เกิดไป จนสุดท้ายได้สเต็มเซลล์จากผู้บริจาคที่สภากาชาดก็เลยได้เข้าไปปลูกถ่ายไขกระดูก ปัจจุบันสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติทุกประการ อาจจะมี Side Effects แค่เรื่องที่ฮอร์โมนเพศหญิงหยุดทำงานไปแล้ว แล้วก็มีอาการผมไม่ขึ้นเนื่องจากเซลล์ถูกทำลายไป แต่ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีผลข้างเคียงจากการให้คีโม แต่ละคนก็มีอาการต่างกันไป

        ต้องขอบคุณคุณหมอ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล ป้าแม่บ้าน และบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านมาก ๆ เลย ที่ช่วยเหลือดูแลรักษาทุกอย่างตั้งแต่วันแรกที่เข้าโรงพยาบาล จนทุกวันนี้ที่ไปตรวจก็ยังได้รับการดูแลที่ดีอยู่ ขอบคุณที่ทุกคนทุ่มเทในการรักษาและดูแลคนไข้มาก ๆ เลย ทุกคนเก่งมาก ทุกวันนี้ก็ยังติดต่อกับพยาบาลที่วอร์ดอยู่เลย เพราะอยู่เป็นปีจนสนิทกันไปแล้ว

         ดีใจมาก ๆ ที่มีกองทุนศิริราชมูลนิธิเข้ามาช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาลเพราะโรคที่เราเป็นค่าใช้จ่ายมันสูงมาก ๆ ขนาดนอนโรงพยาบาลรัฐก็มีค่าใช้จ่ายรวม ๆ เกือบ 3 ล้านบาท ครอบครัวเป็นชนชั้นกลาง ตัวเราเองตอนนั้นก็ยังไม่มีรายได้ การได้กองทุนศิริราชมูลนิธิตรงนี้มาช่วยเหลือคือแบ่งเบาภาระทางบ้านได้มาก ๆ ดีใจมาก ๆ เลย เหมือนได้รับความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถต่อชีวิตคน ๆ นึงได้เลย ถ้าวันนั้นไม่ได้กองทุนศิริราชมูลนิธิ คิดว่าก็คงไม่รอดมาถึงวันนี้

        "ขอขอบคุณท่านผู้บริจาคทุกท่าน ที่ได้ทำโดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ เลย แล้วเงินที่บริจาคมาก็ได้ช่วยให้ผู้ป่วยได้กลับมามีคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีและแข็งแรงขึ้น เหมือนเป็นการมอบโอกาสและชีวิตใหม่ให้กับคน ๆ นึงเลย เพราะการรักษาโรคหนึ่งโรคมันมีค่าใช้จ่ายที่เยอะมากจริง ๆ ซึ่งทุกบาททุกสตางค์ที่ทุกท่านได้มอบให้กับศิริราชมูลนิธิ ไม่ว่าจะน้อยหรือจะมาก ก็คือส่งมาถึงผู้ป่วยจริง ๆ ถ้าไม่ได้กองทุนศิริราชมูลนิธิตรงนี้ก็คงไม่ได้มีโอกาสมานั่งตอบคำถามสัมภาษณ์แบบวันนี้แน่นอน ขอบคุณจากใจจริง ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพที่ดีและชีวิตที่มีความสุข"

        หากคุณอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยเหลือผู้ป่วยด้อยโอกาส และมอบอุปกรณ์ดี ๆ เพื่อการรักษา อยากจะขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมกันบริจาคให้กับศิริราชมูลนิธิกัน ทุกวันนี้เราเองจากผู้ป่วยที่เคยได้รับ ก็เปลี่ยนมาเป็นผู้ให้ด้วยการบริจาคแล้วเช่นกัน 

แชร์เนื้อหานี้